การรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.ฎ.จัดตั้งสำนักงานธนานุเคราะห์ พ.ศ. …

ความเป็นมา (สภาพปัญหาและเป้าหมาย)

สำนักงานธนานุเคราะห์เป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๔๙๗ ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยคณะรัฐมนตรีมีมติให้ตั้งโรงรับจำนำของรัฐบาลภายใต้สังกัดกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ในขณะนั้น แต่เดิมเป็นแผนกหนึ่งในสังกัดกองสวัสดิการสงเคราะห์ กรมประชาสงเคราะห์ ชื่อแผนกธนานุเคราะห์ ต่อมาได้มีการแบ่งส่วนราชการกรมประชาสงเคราะห์ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ใหม่โดยไม่มีแผนกธนานุเคราะห์ ซึ่งคณะที่ปรึกษาระเบียบบริหารราชการขณะนั้นมีความเห็นว่างานสถานธนานุเคราะห์ควรเป็นรูปแบบรัฐวิสาหกิจโดยเลี้ยงตัวเอง ไม่ควรใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับรูปแบบองค์กรให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. เงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ ประกอบกับข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับการเงินขององค์การ พ.ศ. ๒๔๙๕ โดยให้มีรูปแบบเป็นองค์การประเภทที่ ๒ กล่าวคือเป็นองค์การที่ดำเนินกิจการโดยไม่มีบัญชีทุนหรือทุนหมุนเวียนไว้ที่กระทรวงการคลัง แผนกธนานุเคราะห์ซึ่งเป็นส่วนงานหนึ่งในกรมประชาสงเคราะห์ จึงแยกส่วนการบริหารออกมาเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายดังกล่าว ใช้ชื่อสำนักงานธนานุเคราะห์ สังกัดในกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งต่อมากรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ได้ย้ายไปสังกัดกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ตามพระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่และกิจการบางส่วนของกระทรวงมหาดไทยไปเป็นกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ต่อมาได้มีการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ และพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕ สำนักงานธนานุเคราะห์จึงโอนมาอยู่ในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีวัตถุประสงค์แรกเริ่มในการจัดตั้งดังนี้

๑. ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ประสบปัญหาเฉพาะหน้า ขาดแคลนเงินใช้ในการดำรงชีพและการประกอบอาชีพ โดยนำทรัพย์สินมาจำนำเสียดอกเบี้ยในอัตราต่ำ

๒. เพื่อเป็นการตรึงระดับอัตราดอกเบี้ยรับจำนำ มิให้โรงรับจำนำเอกชนเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จากประชาชนผู้ใช้บริการเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

สำนักงานธนานุเคราะห์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีสถานภาพเป็นนิติบุคคล ประกอบกิจการโรงรับจำนำตามมติคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ มีบทบาทเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการเปิดโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม แต่ด้วยบริบททางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำนักงานธนานุเคราะห์จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในปัจจุบันและอนาคต และเป็นการเพิ่มโอกาสในการพึ่งพาตนเอง ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างความมั่นคงในชีวิต สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระดับประเทศ จึงสมควรให้สำนักงานธนานุเคราะห์มีสถานภาพเป็นนิติบุคคล ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการจัดให้มีบริการสาธารณะด้านการเงินแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและคนกลุ่มเปราะบาง อันเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๕ วรรคสอง ที่บัญญัติให้รัฐสามารถดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์ในการจัดให้มีบริการสาธารณะได้

คำอธิบายหลักการหรือประเด็นสำคัญของร่างกฎหมายหรือกฎหมายที่นำมารับฟังความคิดเห็น

โดยที่สำนักงานธนานุเคราะห์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีสถานภาพเป็นนิติบุคคลประกอบกิจการโรงรับจำนำตามวัตถุประสงค์มติคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ มีบทบาทเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำได้โดยง่าย โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาทางการเงิน แต่ด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำนักงานธนานุเคราะห์ จึงมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแปลงรูปแบบสมควรให้มีสถานภาพเป็นนิติบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการจัดให้มีบริการสาธารณะด้านการเงินแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตร ๗๕ วรรคสอง

ผู้เกี่ยวข้อง

หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน

ใส่ความเห็น